ปกิณกะ

กีฬาสี มสธ. "มิตรภาพ" ยิ่งใหญ่กว่า "ชัยชนะ"

18 พฤษภาคม 2567 21:24 | โดย นายปรีชา ขอวางกลาง

     



          กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ...  จะวิเศษหรือไม่  อย่างไร  คงจะเห็นได้ชัดเจนจากมหกรรมกีฬาเขียวทองสัมพันธ์ 2567  ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 16 พ.ค. 2567 ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อ.ปากเกร็ด  จ.นนทบุรี  


ที่กล่าวว่าเป็น “มหกรรมกีฬานั้น” ก็เพราะเป็นการแข่งขันกีฬาที่บุคลากรทุกฝ่ายของ มสธ.  ต่างก็ร่วมแรงแข็งขันกับกิจกรรมนี้  เหมือนกับการบริการวิชาการที่เข้มแข็งมาโดยตลอด  แม้จะเป็นกีฬาสมัครเล่นแต่ทุกคนก็เต็มที่ทั้งนักกีฬาและกองเชียร์ทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่สี่สี  สีเขียว  สีเหลือง  สีฟ้า  และสีชมพู  ล้วนแต่ร่วมแรงรักสามัคคีสะท้อนผ่านการแข่งขัน  ประเดิมที่กีฬาวอลเลย์บอลหญิงรอบคัดเลือกคู่แรก ในวันที่ 8 พ.ค. เป็นการพบกันระหว่างสีฟ้านำทัพโดยสำนักพิมพ์ และสีเขียวแม่ทัพหลักจากสำนักบริการการศึกษา  บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจากนักกีฬาที่ไม่มีใครยอมใคร  จบเกมทีมสีเขียวเอาชนะทีมสีฟ้าไปได้ ท่ามกลางกองเชียร์ที่ลุ้นติดขอบสนาม  


  




นอกจากวอลเลย์บอลแล้วยังมีการแข่งขันกีฬาอีก รวมทั้งหมด 14 ชนิด คือ  แบดมินตัน  เทเบิลเทนนิส  เปตอง เซปักตระกร้อ  ฟุตซอล  หมากกระดาน  ปาเป้า  วิ่ง  ทุ่มน้ำหนัก เตะจุดโทษ (ชุดผู้บริหาร) ชักเย่อ เก้าอี้ดนตรี  เต้นออกกำลังกายประกอบเพลง และไฮไลต์สำคัญอยู่ที่วันสุดท้าย 16 พ.ค. ที่การแข่งขัน 3 กีฬาฮาเฮ ได้แก่ ลูกข่างสลาตัน วิ่งผลัดก้นโคกกระสุน และ เก้าอี้ดนตรีระหว่าง ผู้บริหารพบกับคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ มสธ.  ที่เรียกเสียงเชียร์จากบรรดากองเชียร์ของทุก ๆ สีอย่างสนุกสนาน  นอกจากนี้มียังมีการแข่งขันประชันเพลงเร็ว   คาราโอเกะจากแต่ละสี และการแข่งขันเต้นออกกำลังประกอบเพลง  ที่ทุกทีมต่างงัดลีลาการเต้นเพื่อมัดใจกรรมการ 



    


       


กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หลังจบเกมการแข่งขันนักกีฬาและกองเชียร์ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน 7 ร้าน 7 เมนู จากศูนย์สัมมนา มสธ. ได้แก่  ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดรถไฟ บะหมี่หมูแดง ขนมจีนแกงไก่ ผัดไทย และกระเพาะปลา ให้อิ่มท้องกันฟรี ๆ ร้านละ 100 จาน  รวมทั้งหมด 700 จาน พร้อมเครื่องดื่มเย็น ๆ น้ำอัดลม น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ กาแฟเย็น จากร้านเครื่องดื่มอีก 2 ร้าน รวมทั้งหมด 1,000 แก้ว ก่อนจะร้องเพลงศรัทธาร่วมกัน เพื่อส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬา มสธ. ในการแข่งขันกีฬาบุคลากรกระทรวง อว. ครั้งที่ 40


    


จบเกม แต่ละสีต่างก็กวาดเหรียญรางวัลกันไปอย่างล้นหลาม  และไม่ว่าเหรียญรางวัลจะมากเพียงใดก็ยังไม่มากไปกว่ารอยยิ้ม  เสียงหัวเราะ  คำชื่นชม  และทุกการโอบกอดที่มีให้กัน  ด้วยหัวใจที่รู้แพ้  รู้ชนะ  รู้อภัย  นี่แหละที่บอกว่า “มิตรภาพยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะ”  กีฬา ๆ เป็นยาวิเศษอย่างแท้จริง 


Among Kites on the lake

18 พฤษภาคม 2567 20:00 | โดย นายพงศกร กาญจนโกสุม
         

          เป็นเวลาร่วมหลายปีได้แล้วที่ผู้เขียนไม่ได้เห็นว่าวมากมายอยู่บนท้องฟ้าผ่านสายตาสองข้างของตัวเอง  ไม่ใช่เพียงผ่านหน้าจอโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มือถือ  ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้กิจกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ยากในช่วงยุคสมัยนี้  ดังนั้นนิทรรศการ Kite on the lake ที่จัดขึ้นที่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี   จึงเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ผู้เขียนคาดหวังอย่างมากเทศกาลหนึ่งเลยก็ว่าได้


 

          ย่างก้าวแรกทีได้เข้าสู่งานก็สัมผัสได้ถึงลมริมทะเลสาบที่พัดผ่านร่างกาย  และภาพว่าวมากมาย    ที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าสีเทาหม่นยามบ่ายในรูปลักษณ์ของเหล่าสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ เช่นผีเสื้อ นกนางแอ่น ค้างคาว ปลาปั๊กเป้า ปลาคาร์ป  ปลากระเบน  กระทั่งวาฬสีน้ำเงินอันมีขนาดยาวกว่าหกเมตร   แม้สภาพอากาศจะดูน่าเป็นห่วงว่าอาจเกิดฝนตก  กระนั้นเหล่าหมู่เมฆก้อนใหญ่ท้องสีเทาหม่นอันเป็นสัญญาณ แห่งการก่อฝนนั้นดูจะอยู่ห่างไกลออกไปจากสถานที่จัดงานอยู่มาก ทำให้เหล่าผู้คนในงานยังต่างสนุกสนานกับงานกันต่อไปได้โดยไม่ได้กังวลอะไรมากนัก  และด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายประกอบกับแสงแดดยามพระอาทิตย์ยอแสง  ทำให้เอื้ออำนวยต่อการส่งว่าวให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ตามจังหวะของสายลม ที่พัดหนุนมาจากทะเลสาบ   แว่วเสียงเพลงเบา ๆ ที่บรรเลง  ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

          ขณะเดียวกันทางฝั่งบนผืนดินนั้นดูจะเต็มไปด้วยเด็ก ๆ และเหล่าผู้ปกครองที่ใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้มและที่ได้เห็นเด็ก ๆ  วิ่งส่งว่าวน้อย ๆ ให้ลอยติดไปตามกระแสลมไปทั่วท้องฟ้า  เหล่าผู้คนที่ต่างสนุกสนานไปกับการละเล่นแล้วก็ต้องมีเหล่าคนที่สนุกไปกับการเฝ้ามองทิวทัศน์เหล่านี้เช่นกัน ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้นั่งตามที่นั่งทางงานเทศกาลได้จัดไว้อย่างเพิดเพลิน

 

          แน่นอนว่าเมื่อมีงานเทศกาลก็ต้องมีร้านค้าโดยฝั่งหนึ่งมีเหล่าร้านขายว่าวหลากรูป หลากสีสันมากมายตั้งตระหง่านอยู่ตามทาง ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งมีร้านอาหารมากมายเรียงรายเป็นทางยาวอันมีกลิ่นหอมลอยมาแตะจมูกชวนน้ำลายสอ

 

          กระนั้นความน่าผิดหวังก็ต้องมาถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น เมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทิ้งไว้เพียงสายลมสงบนิ่ง  เมื่อนั้นเองที่เหล่าว่าวมากมายได้เลือนหายไปจากท้องฟ้า เหลือเพียงไว้เพียงว่าวตัวเล็ก ๆ ที่เหล่าเด็กเล็กแดงบางคนต่างวิ่งพร้อมกับชักเล่นอยู่ไม่ได้สูงไปจากพื้นมากนักเพียงแค่นั้นเอง

 

          แม้จะแอบผิดหวังอยู่บ้างที่ไม่ได้เห็นว่าบนท้องฟ้าในงานมากอย่างที่หวัง  และไม่สามารถอยู่ร่วมงานเทศกาลนี้ไปจนจบ แต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่ได้ประสบพบเจอมาในชีวิตนี้เช่นกัน