นวัตกรรม
“ไก่กระเพรา” เมนูไม่ธรรมดาไปไกลถึงอวกาศ เก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 2 ปี ยังอร่อยเหมือนเพิ่งทำเสร็จ
1 มิถุนายน 2568 06:54 | โดย นางสาววรณัณ ทาวังราช, นายประทีป สดสี
“จากจานข้าวสู่ห้วงอวกาศ” เมนูไก่กระเพราจานโปรดของคนไทย กลายเป็นไฮไลท์สำคัญของงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 ปีนี้ เมื่อถูกพัฒนาเป็น ‘อาหารสำหรับนักบินอวกาศ’ ที่ไม่เพียงคงรสชาติความจัดจ้านแบบไทยแท้ แต่ยังสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 2 ปีโดยไม่ต้องแช่เย็น นับเป็นก้าวสำคัญของนวัตกรรมอาหารที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าวงการอาหารพร้อมทานทั้งในและนอกโลก
โดยในบูธของซีพีเอฟ ได้นำเสนอตัวอย่างเมนู “ไก่กระเพรา” ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมอาหารของโครงการ “Thai Food – Mission to Space” เป็นความร่วมมือของซีพีเอฟกับบริษัท นาโนแร็ค แอล แอล ซี จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท มิว สเปช แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด จากประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการพัฒนาอาหารไทยที่สามารถบริโภคได้ในอวกาศ ซึ่งต้องผ่านทดสอบความปลอดภัยกว่า 40 รายการ เช่น การตรวจหาเชื้อทางจุลชีววิทยา การตรวจหาสารมีตกค้างและสิ่งปนเปื้อน การตรวจหาสิ่งแปลกปลอมทางกายภาพ (เศษโลหะ, เศษแก้ว, เศษพลาสติก) การตรวจสอบหาสารก่อภูมิแพ้ การตรวจสอบด้านโภชนาการของอาหาร การตรวจสอบความเสถียรและอายุสินค้า เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารมีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับการบริโภคในสภาวะไร้น้ำหนัก
นางสาวมีนา รามนัฐ เจ้าหน้าที่ประจำบูธซีพีเอฟ (CPF) ได้ให้ข้อมูลความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ Thai Food - Mission to Space กับอาหารทั่ว ๆ ไปว่า “ผลิตภัณฑ์เมนูอาหารพร้อมทานสำหรับนักบินอวกาศนี้มีความปลอดภัยสูงและได้รับมาตรฐานจากนาซา อีกทั้งยังสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 18 ถึง 24 เดือน โดยไม่ต้องแช่เย็น ด้วยเทคโนโลยี Retort Processing (เรทอร์ท) ซึ่งเป็นกระบวนการบรรจุในซองหรือกระป๋อง และฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงที่อุณหภูมิ 116–130°C ภายใต้แรงดัน ซึ่งสามารถทำลายจุลินทรีย์ก่อโรคและยืดอายุอาหารได้โดยไม่ต้องใช้สารกันเสีย ทำให้อาหารยังคงรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ”
อีกด้าน นางสาวปาวรรณตรี อนันตสุข ผู้เข้าชมการจัดแสดงงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 ได้ทดลองชิมได้ให้ความเห็นว่า “จากการได้ลองชิมที่บูธก็รสชาติดี แต่เห็นแค่เมนูเดียว ส่วนตัวสนใจเรื่องที่สามารถเก็บไว้ได้นาน เพราะปกติจะซื้ออาหารตุนเอาไว้ที่บ้าน”
ทั้งนี้ ซีพีเอฟยังคงมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จัดแสดงที่บูธให้กับผู้เข้าชมภายในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 ณ อิมแพค เมืองทองธานี
ดอยคำลุยตลาดคนรุ่นใหม่ ส่ง “ป๊อปไอซ์” เขย่าตลาดไอศครีมเพื่อสุขภาพ
31 พฤษภาคม 2568 20:13 | โดย นางสาววรณัณ ทาวังราช, นายประทีป สดสี
ดอยคำเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมไอศกรีมของไทย ด้วยการพัฒนา “ไอซ์ป๊อปดอยคำ” ไอศครีมที่ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาในตู้แช่เย็น แต่ยังคงให้ความเย็นสดชื่นเหมือนไอศครีมทั่วไป
|
|
|
|
|
ภายในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2025 เมื่อวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2568 ที่ อิมแพ็คเมืองทองธานี บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ไอซ์ป๊อปดอยคำ” ไอศกรีมผลไม้ในคอนเซปต์ “แช่ ฉีก ป๊อป” พร้อมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ใช้งานง่าย พกพาสะดวกและไม่ต้องแช่เย็นตลอดเวลา
นางสาววรรณิดา เลิศปริยานันท์ ผู้ช่วยฝ่ายการตลาดบริษัท ดอยคำ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ไอซ์ป๊อปดอยคำเป็นไอศกรีมหวานเย็นที่สามารถการเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติ นำไปแช่ช่องฟรีซก่อนทาน จะยังคงเนื้อสัมผัสที่เป็นไอศกรีมเหมือนไอศกรีมทั่วไป เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและคนรักสุขภาพ เพราะให้แคลอรี่ต่ำ เมื่อเทียบกับไอศกรีมทั่วไปที่ให้แคลอรี่สูงกว่า ในราคาที่ถูกว่าราคาไอศกรีมสายเฮลตี้ในท้องตลาด และยังสามารถทานได้ทุกเวลา
|
|
นางสาววรรณิดา เลิศปริยานันท์
การไม่ต้องใช้ตู้แช่เย็นเพื่อการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์นี้ ส่งผลให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซคารบอนไดออกไซด์จากตู้แช่ในการวางขายภายในร้านค้า โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียรสชาติ เพราะสามารถวางขายในชั้นวางขายสินค้าประเภทน้ำผลไม้ได้ ทั้งยังลดต้นทุนการขนส่งไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือการส่งออกต่างประเทศ
ไอซ์ป๊อปดอยคำส่งออกสินค้าในแทบเอเชีย และอาจขยายการส่งออกต่างประเทศที่มากขึ้น โดยคำนึงถึงปริมาณผลไม้ภายในประเทศที่รับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรไทย เพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมรายได้ให้เกษตรกร การพัฒนาคุณภาพผลผลิต และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย
การทานไอซ์ป๊อปดอยคำแบบป๊อปป๊อป เขย่าก่อนนำไปแช่ช่องฟรีซ เมื่อจะทานให้ดึงแทบตัวล็อกออกแล้วดันปลายขึ้นมาพร้อมทาน หรือจะทานแบบถ้วยก็เพียงแค่เขย่าแล้วเทลงในภาชนะก่อนนำไปแช่ช่องฟรีซ สามารถเติมเนื้อผลไม้ที่ชอบลงไปเพื่อให้เท็กซ์เจอร์ที่แตกต่างขึ้นได้ตามความชอบ
ปัจจุบันไอซ์ป๊อปดอยคำมีด้วยกัน 8 รสชาติ ได้แก่ บ๊วยไม่บ๊วย ฟรุตแอ๊บพันซ์ มะม่วงฮักเสาวรส ลิ้นจี่โยเกิร์ต สตอเบอร์รี่ทูนหัว สตอเบอร์รี่โยเกิร์ต ส้มยูสุ และแตงโม ราคาชิ้นละ 20 บาท มีวางจำหน่ายแล้วในร้านค้าในเครือดอยคำ และร้านชั้นนำทั่วประเทศ